ผบช.กมค. เป็นผู้แทน ตร. ชี้แจงคณะทำงาน UN กรณี สิทธิมนุษยชนและ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565

0
2698862

ผบช.กมค. ร่วมหารือกับสมาพันธ์ระหว่างประเทศว่าด้วยการต่อต้านการทรมาน (APT)

4 พ.ย.67 เวลา 08.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

พล.ต.ท.อภิชาติ สุริบุญญา ผบช.กมค. พร้อมด้วย พ.ต.อ.วีร์พล ใหญ่อรุณ รอง ผบก.คด. และ ร.ต.อ.อุดมพร ทำสวน นว.(สบ.1)ผบก.ตท. พร้อมหน่วยงานราชการด้านกระบวนการยุติธรรมร่วมหารือกับ APT เรื่องการสัมภาษณ์ผู้ต้องหาและผู้เสียหายในความผิดการทรมานที่มีประสิทธิภาพเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการปฏิบัติตาม พรบ ทรมานฯ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ซึ่งจากการหารือ มีประเด็นที่น่าสนใจสรุปได้ดังนี้

  1. APT แสดงความยินดีกับไทยที่ได้รับการเลือกให้เป็นคณะทำงานของ UN ว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน
  2. APT และ NGOs หลายหน่วยงานพร้อมที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานของไทยเพื่อให้ไทยเป็นผู้นำด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนและการป้องกันการทรมานของอาเซียน
  3. APT ได้นำเสนอหลักการ Mendez Principle ซึ่งเป็นแนวทางการสัมภาษณ์ผู้เสียหายและผู้ต้องหาในความผิดการทรมาน ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นมืออาชีพและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ในที่ประชุม ผบช กมค ได้แจ้งให้ APT ทราบถึงโครงสร้างของ ตร. ที่มี รร นรต บชศ และ สบส ซึ่งเป็นหน่วยงานในการฝึกอบรมและพัฒนาต่อยอดข้าราชการตำรวจ ซึ่งน่าจะเป็นการดียิ่งที่หน่วยงานเหล่านี้ได้เรียนรู้และเข้าใจหลักการนี้ ซึ่งจะได้มีการประสานงานความร่วมมือในโอกาสต่อไป

5 พ.ย.67 เวลา 10.00-13.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงเจนีวา ผบช.กมค (ตามสั่งการของ ผบ.ตร.) ชี้แจงและตอบคำถามของคณะทำงาน UN ว่าด้วยการป้องกันการทรมาน

วันนี้ คณะทำงาน UN ถามปัญหาและข้อสงสัยที่เกี่ยวกับ ตร. มีดังนี้

  • การบังคับใช้ตาม พรบ ทรมาน และมีมาตรการอะไรที่ทำให้เกิดความมั่นใจว่า จนท รัฐจะถูกลงโทษโดยไม่มีการแทรกแซง
  • การแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และการคุ้มครองเหยื่อ
  • การดำเนินการตาม พรบ ชุมนุมสาธารณะ
  • ข้อสงสัยกรณีตำรวจใช้สปายแวร์เพกาซัสละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

ประเด็นเหล่านี้ส่วนใหญ่มาจาก NGOs ที่ทำงานอยู่ในไทย ส่งรายงานและข้อสังเกตเข้ามายังคณะทำงาน UN และก็อาจจะเกิดการติดตามของคณะทำงาน UN ตามสื่อส่วนหนึ่งด้วย ดังนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของ ตร. ในเรื่องสิทธิมนุษยชนและตาม พรบ ป้องกันการทรมานฯก็ดี ไม่สามารถมองภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง NGOs หรือนักรณรงค์กิจกรรมเป็นฝ่ายตรงข้ามได้ แต่ต้องทำงานและสร้างความเข้าใจไปด้วยกันเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีและเป็นมืออาชีพมากขึ้น

การสื่อสารกับสาธารณะหากมีประเด็นเหล่านี้เกิดขึ้น ต้องจัดให้เกิดขึ้นตลอดเวลา เพื่อไม่ให้สื่อและภาคเอกชนจินตนาการไปเองแล้วนำไปสู่ความเข้าใจผิด กลายเป็นข้อสงสัยและคำถามที่ส่งผลไปให้องค์การระหว่างประเทศเข้าใจเราผิด

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *